วันจันทร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

การจัดกิจกรรมการทำหนังสือเล่มใหญ่ (Big Book) สำหรับเด็กปฐมวัย

การจัดกิจกรรมการทำหนังสือเล่มใหญ่ (Big Book) สำหรับเด็กปฐมวัย

ผู้แต่ง

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อัญชลี ไสยวรรณ

การจัดกิจกรรมการทำหนังสือเล่มใหญ่เกิดขึ้นจากแนวคิดการสอนมุ่งประสบการณ์ทางภาษามีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาการใช้ภาษาของเด็กตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงชั้นมัธยมศึกษา เริ่มทำการศึกษาที่ประเทศออสเตรเลีย ต่อมาในปีค.ศ.1984 ดร.ริชาร์ด วอล์คเคอร์ เบรนดอน บาร์ทเล็ทและ ดร.เสาวลักษณ์ รัตนวิชช์ ได้นำแนวคิดนี้มาเผยแพร่ในประเทศไทยโดยได้ทำการศึกษาวิจัยพบว่า ทำให้เด็กมีความมั่นใจในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร เด็กสามารถอ่านเรื่องและเข้าใจความหมายของภาษาได้ดี เด็กเรียนภาษาได้เร็วและมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียนภาษา ปัจจุบันได้มีนักการศึกษานำแนวคิดนี้ไปทำการวิจัยอย่างแพร่หลายเพื่อแก้ปัญหาการอ่านของเด็กหรือการพัฒนาการใช้ภาษาด้านการ ฟัง พูด อ่านและเขียน ในปี พ.ศ.2542 ผู้เขียนได้นำแนวคิดนี้ไปทดลองใช้เป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยเกี่ยวกับการสอนภาษาแบบองค์รวมสำหรับเด็กปฐมวัยโดยจัดกิจกรรมให้เด็กปฐมวัยได้สร้างหนังสือเล่มใหญ่พบว่า สามารถพัฒนาการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารของเด็กปฐมวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ต่อมาในปี พ.ศ.2551 ชมพูนุท ศุภผลศิริได้ทำการวิจัยเรื่องการศึกษาความสามารถทางพหุปัญญาของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรม การทำหนังสือเล่มใหญ่ พบว่าเด็กปฐมวัยมีความสามารถทางพหุปัญญาสูงขึ้น
การจัดกิจกรรมการทำหนังสือเล่มใหญ่ (Big Book) หมายถึงการจัดสภาพการณ์ให้เด็กเรียนรู้การสื่อสารซึ่งกันและกันอย่างมีปฏิสัมพันธ์และมีความหมายด้วยการสร้างหนังสือเล่มใหญ่ สร้างบรรยากาศการเรียนรู้การอ่านจากผลงานการเขียน เรียนรู้การเขียนจากการอ่าน เรียนรู้ภาษาจากวรรณกรรมและการเลียนแบบ กระตุ้นให้เด็กแสดงการสื่อสารผ่านกระบวนการคิดตลอดเวลาและใช้ภาษาจากแรงจูงใจภายในไม่ใช่การบังคับ ส่งเสริมให้เด็กมีความมั่นใจในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ มีกระบวนการจัดกิจกรรม 4 ขั้นตอน ขั้นที่ 1 กำหนดเนื้อเรื่องนิทาน ขั้นที่ 2 สำรวจความหมายของคำ ขั้นที่ 3 สร้างหนังสือเล่มใหญ่ ขั้นที่ 4 ใช้หนังสือเป็นแหล่งข้อมูล

    หลักการการจัดกิจกรรมการทำหนังสือเล่มใหญ่

  1. เรียนอ่านและเขียนด้วยกันอย่างมีวัตถุประสงค์ การอ่านและการเขียนควรจะเรียนพร้อมกันเพราะเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องซึ่งเด็กจะนำสิ่งที่ได้ในการอ่านมาใช้ในการเขียน
  2. ฟังและทำความเข้าใจเนื้อเรื่องทั้งหมดก่อนและจึงมาทำความเข้าใจส่วนย่อยๆเช่น ตัวอักษร หรือสัญลักษณ์
  3. เลือกเนื้อเรื่องที่เร้าความสนใจของเด็ก หรือให้เด็กสร้างเนื้อเรื่องขึ้นใหม่ตามความสนใจ พยายามให้เด็กเรียนรู้จากแรงจูงใจภายใน(เรียนรู้ด้วยตนเอง)ในห้องเรียนควรมีหนังสือวรรณกรรมเด็กเป็นจำนวนมากเพียงพอ
  4. เด็กได้เรียนรู้ภาษาอย่างอิสระซึ่งจะทำให้เด็กเรียนรู้ได้เร็วและสามารถประเมินการเรียนรู้ของตนเองได้
  5. เปิดโอกาสให้เด็กมีประสบการณ์ทางภาษาหลากหลายโดยมีครูควรให้คำแนะนำช่วยเหลือ ให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนและครู
  6. ให้เรียนอ่านและเขียนไปพร้อมๆกันจะทำให้เกิดความแม่นยำในเนื้อหา
  7. สร้างบรรยายกาศให้เด็กคุ้นกับหนังสือเพื่อซึมซับเรื่องราวในหนังสือ ให้เด็กพูด อ่านเขียนและวาดภาพ เล่นบทบาทสมมุติ จัดพื้นที่ อุปกรณ์เพื่อสนับสนุนให้เด็กทำกิจกรรมสื่อสารภาษาในลักษณะเป็นองค์รวมโดยใช้การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียนร่วมกัน
  8. จัดการเรียนรู้แบบยึดเด็กเป็นศูนย์กลาง ครูศึกษาความสนใจความสามารถ และสอนเด็กตามระดับความสามารถที่แตกต่างกัน ครูเตรียมและวางแผนการสร้างหนังสือตามความสนใจของเด็ก เด็กมีโอกาสใช้ภาษาอย่างเป็นธรรมชาติและอย่างมีความสุข
  9. ส่งเสริมให้เด็กมีความมั่นใจ กล้าเสี่ยงที่จะพูด เขียน โดยไม่กลัวผิด
  10. ครูเป็นแบบอย่างที่ดีในการพูด ฟัง อ่านและเขียน
    1. Download เอกสารที่เกี่ยวข้อง

    2. การจัดกิจกรรมการทำหนังสือเล่มใหญ่ (Big Book) สำหรับเด็กปฐมวัย

วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เตรียมเด็กปฐมวัย ก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียน

เตรียมเด็กปฐมวัย ก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียน

“เตรียมตน เตรียมคน เตรียมงาน เตรียมความพร้อมของลูกหลานคือรากฐานของการพัฒนา”คำกล่าวนี้ยังใช้ได้กับกระแสอาเซียนในขณะนี้  โดยเฉพาะการจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับอาเซียนกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนดบทบาทการดำเนินงาน ด้านการต่างประเทศเชิงรุก โดยเน้นการกระชับความสัมพันธ์ และการขยายความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน และในภูมิภาคเอเชีย ภายใต้กรอบความร่วมมือด้านต่างๆ โดยเฉพาะกรอบความร่วมมือด้านการศึกษาและได้กำหนดนโยบายการขับเคลื่อนการศึกษาในอาเซียนสู่เป้าหมายการจัดตั้งประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. 2558 ดังนโยบายต่อไปนี้
       นโยบายที่1 การเผยแพร่ความรู้ ข้อมูลข่าวสารและเจตนคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียนเพื่อเสริมสร้างความตระหนักเกี่ยวกับอาเซียน อัตลักษณ์อาเซียน และเตรียมความพร้อมของครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา นักเรียน นักศึกษาและประชาชนเพื่อก้าวสู่ประชาคมอาเซียนภายในปี พ.ศ. 2558
       นโยบายที่ 2 การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
       นโยบายที่ 3 การพัฒนามาตรฐานการศึกษาเพื่อส่งเสริมการหมุนเวียนของนักศึกษาและครูอาจารย์ในอาเซียน
       นโยบายที่ 4 การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเสรีการศึกษาในอาเซียนเพื่อรองรับการก้าวสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 
       นโยบาย 5 การพัฒนาเยาวชนเพื่อเป็นทรัพยากรสำคัญในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน
เนื่องจากการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญรุ่งเรืองของประเทศไทยและภูมิภาค ในความร่วมมือด้านการศึกษาอาเซียน ความร่วมมือดังกล่าวเป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับแนวทางการปฏิรูปการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยการปรับปรุงในเชิงปริมาณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายโอกาสทางการศึกษา การยกระดับคุณภาพการศึกษา การนำโครงสร้างพื้นฐาน สิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยี การสื่อสารเข้ามารองรับ ตลอดจนการบริหารจัดการทางการศึกษา
ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน  ได้เร่งพัฒนาเด็กและเยาวชนไทยให้รู้จักวัฒนธรรม  สังคม  ความเป็นอยู่ของเพื่อนอีก 9 ประเทศ   ที่จะสามารถก้าวสู่ประชาคมอาเซียนอย่างมั่นใจ  โดยการดำเนินโครงการพัฒนาประชาคมสู่อาเซียน (Spirit of ASEAN) เพื่อรองรับการรวมกลุ่มของประเทศอาเซียน ในปี 2558  เช่น  โรงเรียน Buffer School  เป็นโรงเรียนที่อยู่ติดชายแดนกับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ  ได้แก่  ลาว พม่า กัมพูชา และมาเลเซีย  โรงเรียน Sister School   เป็นโรงเรียนที่มีความพร้อม มีความเข้มแข็งทั้งในเรื่องของภาษาและ ICT  ที่อยู่ในพื้นที่อื่น ๆ ที่ไม่ติดชายแดน  แต่มีประสานสัมพันธ์กับอาเซียน 5 ประเทศ  ได้แก่ เวียดนาม สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบรูไนเป็นต้น 
          สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเรื่องของหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน  ได้ระดมความคิดจากผู้ทรงคุณวุฒิ  ผู้บริหาสถาศึกษา  ศึกษานิเทศก์  ครูผู้สอน และผู้เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกำหนดกรอบแนวทางในการพัฒนาโรงเรียนเป็นการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นประชาคมอาเซียน โดยการกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของเด็กไทยที่สอดรับกับประชาคมอาเซียน  การวิเคราะห์หลักสูตรในส่วนของอาเซียนศึกษา  การกำหนดกิจกรรมการเรียนรู้   เพื่อให้สถานศึกษาสามารถพัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีคุณภาพและแข็งแกร่งในประชาคมอาเซียน
คุณลักษณะเด็กไทยในประชาคมอาเซียน
คุณลักษณะของเด็กไทยในประชาคมอาเซียน กำหนดคุณลักษณะ 3 ด้าน ดังนี้
     1. ด้านความรู้ 
            1.1 มีความรู้เกี่ยวกับประเทศอาเซียนในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม 
            1.2 มีความรู้เกี่ยวกับอาเซียน 
                    1.2.1 จุดกำเนิดอาเซียน
                    1.2.2 กฎบัตรอาเซียน
                    1.2.3 ประชาคมอาเซียน
                    1.2.4 ความสัมพันธ์กับภายนอกอาเซียน 
      2. ด้านทักษะ/กระบวนการ
   2.1 ทักษะพื้นฐาน
                   2.1.1 สื่อสารได้อย่างน้อย 2 ภาษา (ภาษาอังกฤษ และภาษาประเทศเพื่อนบ้านอีกอย่างน้อย 1 ภาษา)
                   2.1.2 มีทักษะในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างสร้างสรรค์
                   2.1.3 มีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี
                   2.1.4 มีความสามารถในการทางานและอยู่ร่วมกับผู้อื่น
            2.2 ทักษะพลเมือง/ความรับผิดชอบทางสังคม
                   2.2.1 เคารพและยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม
                  2.2.2 มีภาวะผู้นา
                  2.2.3 เห็นปัญหาสังคมและลงมือทาเพื่อนาไปสู่การเปลี่ยนแปลง
          2.3 ทักษะการเรียนรู้และพัฒนาตน
                  3.3.1 เห็นคุณค่าความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน
                  3.3.2 มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้
                  3.3.3 มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์อย่างมีเหตุผล มีวิธีคิดอย่างถูกต้อง
                  3.3.4 มีความสามารถในการจัดการ / ควบคุมตนเอง
3. ด้านเจตคติ
          3.1 มีความภูมิใจในความเป็นไทย/ ความเป็นอาเซียน
          3.2 ร่วมกันรับผิดชอบต่อประชาคมอาเซียน
          3.3 มีความตระหนักในความเป็นอาเซียน
          3.4 มีวิถีชีวิตประชาธิปไตย ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล สันติวิธี /สันติธรรม
          3.5 ยอมรับความแตกต่างในการนับถือศาสนา
          3.6 ดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

คุณลักษณะเด็กปฐมวัยก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียน
          เมื่อเราได้ทราบถึงคุณลักษณะเด็กไทยในประชาคมอาเซียน การเตรียมเด็กปฐมวัย ก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียนในส่วนของปฐมวัย ขอให้เรายึดเป้าหมายของการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยให้ชัดเจน  ให้เด็กปฐมวัยของไทยเราได้รับการส่งเสริมพัฒนาการให้พร้อมทุกด้าน  และสิ่งที่ควรปลูกฝังให้กับเด็กปฐมวัยของเรา คือ ทักษะการคิด วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษา มีเหตุผล มีทักษะทางสังคม ทักษะชีวิต และที่สำคัญมีความรักในความเป็นไทยให้มากขึ้น

จากหลักการและแนวคิดสู่การนำไปใช้
การจัดกิจกรรมสำหรับเด็กปฐมวัยเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของประเทศและของอาเซียนนั้น เราสามารถบูรนาการกิจกรรมในสาระที่ควรเรียนรู้ทั้ง 4 สาระ / เรื่องราวเกี่ยวกับตัวเด็กเช่น ฉันมีชื่อ นามสกุล เพื่อนๆสมาชิกอาเซียนก็มีชื่อ ฉันเรียนรู้ข้อตกลงต่างๆเพื่อนๆสมาชิกอาเซียน ฯลฯ /เรื่องเกี่ยวกับบุคคลและสถานที่แวดล้อมเด็ก ฉันมีชุมชน  วัฒนธรรม สถานที่ ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ เพื่อนๆสมาชิกอาเซียนก็มี ฯลฯ /ธรรมชาติรอบตัว ฉันมีสิ่งแวดล้อมรอบตัวมากมายทั้งสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เพื่อนๆสมาชิกอาเซียนมีอะไรบ้างฯลฯ /สิ่งต่างๆรอบตัว ฉันเดินทางไปที่ต่างๆทั้งในประเทศและนอกประเทศได้  โดยทางเรือ  เครื่องบิน   รถไฟ และเรียนรู้แผนที่ในการเดินทางไปยังประเทศอาเซียนได้ ฯลฯ  จากสาระที่กล่าวมาทั้งหมด สามารถบูรณาการในกิจกรรมหลักตามตารางประจำวัน เช่น กิจกรรมเสริมประสบการณ์ เช่น เล่าเรื่องจากภาพ ให้เด็กเรียนรู้ตำแหน่งของประเทศ โดยดูจากลูกโลก  แผนที่   จัดหนังสือภาพอาเซียนในมุมหนังสือ  จัดป้ายนิเทศ  กิจกรรมเกมการศึกษา  จับคู่การแต่งกายกับบัตรคำประเทศ จับคู่ธงชาติ กับบัตรคำ หรือ คน  กิจกรรมสร้างสรรค์ ประดิษฐ์ธงประจำชาติอาเซียน ระบายสีภาพดอกไม้ประจำชาติอาเซียน ปั้นดินน้ำมันทำแผนที่จำลองฯ กิจกรรมเสรีเล่นตามมุมแสดงบทบาทสมมติตามมุมอาเซียน  เล่มในมุมหนังสือ เล่นสร้างประเทศสมาชิกอาเซียนจากไม้บล็อกฯ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะแสดงท่าทางประกอบเพลงอาเซียน  แสดงการร้องเล่นเต้นเลียนแบบการเต้นแต่ละประเทศฯ กิจกรรมกลางแจ้ง ลองเล่นกลางแจ้งแบบเด็กแต่ละประเทศในอาเซียน นอกเหนือจากกิจกรรมหลักแล้วครูสามารถพาเด็กปฐมวัยศึกษานอกสถานที่ ชมนิทรรศการเกี่ยวกับอาเซียน จัดกิจกรรมโครงการหรือโครงงาน อาเซียน ถ้าเด็กสนใจ ฯ 
จากสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมไทยไปสู่สังคมอาเซียนในฐานะสมาชิกของอาเซียนประเทศหนึ่ง เด็กปฐมวัยของเราจะก้าวไปสู่พลเมืองอาเซียนที่มีคุณภาพได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ ครู  ผู้ปกครอง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย ร่วมมือกันเล็งเห็นความสำคัญของการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยอย่างจริงจัง จากคำกล่าวที่ว่า “ไทยจะเป็นผู้นำอาเซียน”ก็คงเป็นไปได้ไม่ยาก
เครดิตโดย ปากกาปฐมวัย

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ชิงปฎิบัติการ เครื่องมือจัดการเรียนรู้แบบ BBL สู่ STEM เพื่อสร้าง Active Citizen อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2351749

สถาบันนานมีบุ๊คส์ อินโนเวชั่น เชิญผู้บริหารโรงเรียนและครูผู้สอนในระดับปฐมวัย ร่วมงานสัมมนาเชิงปฏิบัติการเครื่องมือจัดการเรียนรู้แบบ BBL สู่ STEM เพื่อสร้าง Active Citizen เพื่อเผยแพร่แนวคิดการเรียนรู้แบบ Brain-based Learning หรือ BBL ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับพัฒนาการของสมองของเด็กแต่ละช่วงวัยที่กำลังเป็นที่สนใจในปัจจุบัน พร้อมแนะนำแนวทางการสอนปฐมวัยอย่างไร ให้สอดคล้องกับการเรียนรู้แบบ BBL สู่ STEM เพื่อสร้าง Active Citizenโดย อาจารย์ธิดา พิทักษ์สินสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาสำหรับเด็ก กรรมการบริหารสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทยดร.เทพกัญญา พรหมขัติแก้ว นักวิชาการสาขาวิทยาศาสตร์ประถมศึกษา สสวท. และคุณคิม จงสถิตย์วัฒนา รองกรรมการผู้จัดการบริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด และ Workshop การใช้เครื่องมือที่เชื่อมโยง BBL ให้สู่ STEM Education เพื่อให้ผู้สอนสามารถนำมาใช้พัฒนาศักยภาพผู้เรียนโดยองค์รวม ในวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 09.00-15.30 น. ณ อาคารนานมีบุ๊คส์เฮ้าส์ สุขุมวิท 31 เข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามหรือตอบรับเข้าร่วมงานได้ที่ คุณสิตา, คุณกัลยาณี โทรศัพท์ 0-2662-3000 ต่อ 4425, 5226 e-mail: sita@nanmeebooks.com
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/prg/2351749